ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
โดยเรื่องราวของ นางกิ่งแก้ว เริ่มจากการอ้างอิงจากหนังสือของเชาว์เรศน์ จารุบุณย์ เพชฌฆาตคนสุดท้ายที่ลั่นกระสุนใส่นักโทษ ก่อนที่การประหารของประเทสไทยจะเปลี่ยนเป็นการฉีดยาเข้าเส้นเลือดแทน
โดยเรื่องมีอยู่ว่า นางกิ่งแก้ว เป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ เธอได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวหนึ่งให้ดูแลลูกชายวัย 6 ปี ทั้งนี้วันเกิดเหตุ เธอไปรับเด็กชายที่โรงเรียนตามปกติ แต่สิ่งที่แปลกไปก็คือ เธอดันตัดสินใจร่วมมือกับโจรอีก 2 คนเพื่อทำการลักพาตัวเด็ก และ เรียกค่าไถ่ โดยตามแผนการนั้นก็คือ พ่อแม่เด็กต้องดยนเงินออกมาจากหน้าต่างรถไฟที่กำลังวิ่ง โดยต้องโยนลงตรงบริเวณธงที่กำหนด แต่แล้วเรื่องราวไม่ได้จบลงด้วยดี เนื่องจากเวลาที่รถไฟวิ่งนั้นเป็นเวลากลางคืน ทำให้พ่อแม่เด็กมองไม่เห็นธง การโยนเงินจึงคลาดเคลื่อน นั่นเลยเป็นผลให้พวกโจรรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เลยตัดสินใจแทงเด็ก เพื่อปิดปาก แต่นางกิ่งแก้วพยายามห้ามแล้ว ว่าอย่าทำร้ายเด็ก แต่ก็ไม่เป็นผล เด็กโดนแทงแล้วนำไปฝัง และแยกย้ายกันหลบหนี จากการตรวจชันสูตรศพ พบมีเศษดินในปอดนั่นหมายถึงว่าเด็กยังไม่ตายขณะฝังร่างนั่นเอง
นางกิ่งแก้วเลยถูกสั่งประหาร ร่างของเธอถูกมัดเข้ากับเสารูปกางเขน ปืนถูกตั้งเป้ายิงเข้าหัวใจ เพชฌฆาตยิงไปทั้งหมด 15 นัดเข้าที่ร่างของเธอหวังปลิดที่ขั้วหัวใจ และเมื่อหมอเข้าไปตรวจชีพจรของเธอหลังจากโดนยิงพบว่าเธอเสียชีวิตแล้ว จึงนำร่างของเธอลงมา ไว้ที่ห้องเก็บศพ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เธอเริ่มส่งเสียงว่า ฉันไม่ผิดๆ พยายามจะลุกขึ้นนั่ง! นั่นเลยทำให้ต้องยกร่างของเธอไปประหารซ้ำอีกครั้ง ส่วนสาเหตุที่เธอไม่ตายไม่แน่ชัดว่าร่างของเธอผูกติดไม่แน่น หรือ หัวใจของเธออยู่ด้านขวากันแน่!
ทั้งนี้ขณะที่เธออยู่ในสภาพนักโทษ เธอมีอาการทางประสาทพูดว่า ฉันไม่ผิดๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังเคยคิดฆ่าตัวตายอีกต่างหาก และหลังจากที่เธอตายไปแล้วภายในห้องนั้นก็มักจะมีคนได้ยินเสียงเหนือกำแพงเรือนจำว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด และเสียงร้องโหยหวน อยู่เสมอ ...
Source : http://news.boxza.com/view/29435
0 comments Blogger 0 Facebook
Post a Comment